เผยแพร่เอกสารรายละเอียดการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ TWZ-W4

 
เอกสารรายละเอียดการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ TWZ-W4 
 
ดาวน์โหลดเอกสาร
 

เผยแพร่หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561

เผยแพร่หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561

ดาวโหลดเอกสาร : หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561

ดาวโหลดเอกสาร : รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560

ดาวโหลดเอกสาร : รายงานประจำปี 2560 (แนบ 2)

ดาวโหลดเอกสาร : ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ (แนบ 3)

ดาวโหลดเอกสาร : ประวัติของกรรมการที่ครบกำหนดวาระซึ่งได้รับการเสนอชื่อกลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ (แนบ 4)

ดาวโหลดเอกสาร : นิยามกรรมการอิสระและประวัติกรรมการอิสระที่เป็นผู้รับมอบฉันทะ (แนบ 5)

ดาวโหลดเอกสาร : ข้อบังคับของบริษัท (แนบ 6)

ดาวโหลดเอกสาร : เอกสารและหลักฐานแสดงความเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้แทนของผู้ถือหุ้น (แนบ 7)

ดาวโหลดเอกสาร :  มอบฉันทะแบบ ก. (แนบ 8)

ดาวโหลดเอกสาร : มอบฉันทะแบบ ข. (แนบ 8

ดาวโหลดเอกสาร :  มอบฉันทะแบบ ค. (แนบ 8)

ดาวโหลดเอกสาร : แผนที่แสดงสถานที่ประชุม Map (แนบ 9)

แบบฟอร์มจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบบมอบอำนาจทั่วไป (ครั้งที่ 1) วันที่ 21-25 สิงหาคม 2560

แบบฟอร์มจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบบมอบอำนาจทั่วไป (ครั้งที่ 1)
วันที่ 21-25 สิงหาคม 2560

1. หนังสือแจ้งจัดสรรหุ้นแบบมอบอำนาจทั่วไป ครั้งที่ 1  ดาวน์โหลด
2. แบบฟอร์มจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบบมอบอำนาจทั่วไป (ครั้งที่ 1)  ดาวน์โหลด
3. รายชื่อสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์  ดาวน์โหลด
4. หนังสือมอบอำนาจ (ภาษาไทย)  ดาวน์โหลด
5. หนังสือมอบอำนาจ (ภาษาอังกฤษ) ดาวน์โหลด

เผยแพร่หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560

เผยแพร่หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560

ดาวโหลดเอกสาร : หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560

TWZ รับอานิสงส์รัฐกระตุ้นใช้จ่าย ดันกำไรปี 2559 พุ่ง 284%

ทีดับบลิวแซดฯ เผยงบการเงินปีรายได้เพิ่มขณะกำไรสุทธิพุ่ง 284.69% เผยรับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนทะลุเป้า พร้อมเดินหน้ารุกตลาดปีนี้ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ย้ำโครงสร้างรายได้ใหม่แข็งแกร่ง ประมาณการรายได้ธุรกิจพลังงานทดแทนปีนี้ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มั่นใจปีนี้โตต่อเนื่อง

นางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จำหน่าย และให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยผลประกอบการงวด 1 ปี (มกราคมถึงธันวาคม 2559) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,248.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282.71 ล้านบาท คิดเป็น 7.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 3,965.65 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 99.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 284.69% จากปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.99 ล้านบาท“

ปี 2559 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดีของ TWZ เพราะธุรกิจหลัก คือ สื่อสารโทรคมนาคม มีการเติบโตที่ดีมาก เนื่องจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้กำลังซื้อเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวดีขึ้น และปัญหาภัยแล้งคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคอาจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคม ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายอัดฉีดเงินให้กับผู้มีรายได้น้อย และช่วงปลายปีมีมาตรการชอปปิ้งช่วยชาติ ทำให้ยอดขายกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ส่งผลให้รายได้ทั้งปีที่ผ่านมา ของ TWZ เป็นไปตามเป้าหมาย” นางปิยะนุช  กล่าว

สำหรับปี 2560 ในส่วนของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมนั้น TWZ จะยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อไป โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริม หรือแกตเจ็ตต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงเติบโตตามกระแสเทคโนโลยี

โดยในปี 2559 บริษัทฯ ยังได้รับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นครั้งแรก จำนวน 5 เมกะวัตต์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เกียร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่ง TWZ ถือหุ้น 99.99% และบริษัท เกียร์ฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือมาสเทค (MASTECH) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีสิทธิในการควบคุมในสัดส่วน 80%

ทั้งนี้ การจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ล็อตแรกนี้ถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ TWZ ในการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ โดย TWZ ได้จัดทำประมาณการรับรู้รายได้ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของ MASTECH เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี และกำไรสุทธิอยู่ระหว่าง 15-16 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในปีนี้ คาดว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 41.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 15.17 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจากโครงการภายใต้การบริหารของ TWZ เอง ได้แก่ โครงการเดอะ เพเซอร์ พัทยา และโครงการเดอะวิช รัชดาภิเษก และโครงการภายใต้การบริหารของ บริษัท ปิยะชาติ จำกัด ซึ่ง TWZ ถือหุ้น 99.99% ซึ่งเมื่อผนวกรายได้จาก 3 ธุรกิจของ TWZ ทั้งธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม พลังงานทดแทน และอสังหาริมทรัพย์แล้ว ทำให้มั่นใจว่า ในปี 2560 บริษัทฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างแน่นอน

TWZ มั่นใจโครงสร้างรายได้จาก 3 ธุรกิจหนุนปี 2560 โตต่อเนื่อง

ทันหุ้น – TWZ เดินหน้ารุกตลาดปี2560 ปั้นผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ตอกย้ำโครงสร้างรายได้ใหม่แข็งแกร่ง หลังจากปี 2559 บุ๊กรายได้ขายไฟให้ กฟภ.ล็อตแรก จำนวน 5 เมกะวัตต์ คาดรายได้ธุรกิจพลังงานทดแทนปีนี้อยู่ที่ 41 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หนุนผลงานปี 2560 โตต่อเนื่อง

นางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จำหน่ายและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2560 โดยในส่วนของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมว่า  TWZ จะยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อไป โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริม หรือแก็ตเจ็ทต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงเติบโตตามกระแสเทคโนโลยี

ทั้งนี้ในปี 2559 บริษัทยังได้รับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นครั้งแรก จำนวน 5 เมกะวัตต์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เกียร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่ง TWZ ถือหุ้น 99.99% และบริษัท เกียร์ฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือมาสเทค (MASTECH) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีสิทธิในการควบคุมในสัดส่วน 80%

เชื่อว่าการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ล็อตแรกนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ TWZ ในการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ โดย TWZ ได้จัดทำประมาณการรับรู้รายได้ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของ MASTECH เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยคาดว่า จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี และกำไรสุทธิอยู่ระหว่าง 15-16 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในปี2560 คาดว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 41.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 15.17 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจากโครงการภายใต้การบริหารของ TWZ เอง ได้แก่ โครงการเดอะ เพเซอร์ พัทยา และโครงการเดอะวิช รัชดาภิเษก และโครงการภายใต้การบริหารของ บริษัท ปิยะชาติ จำกัด ซึ่ง TWZ ถือหุ้น 99.99% ซึ่งเมื่อผนวกรายได้จาก 3 ธุรกิจของ TWZ ทั้งธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม พลังงานทดแทน และอสังหาริมทรัพย์แล้ว ทำให้มั่นใจว่า ในปี 2560 บริษัทฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างแน่นอน

สำหรับผลประกอบการงวด 1 ปี (มกราคมถึงธันวาคม 2559) บริษัทมีรายได้รวม 4,248.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282.71 ล้านบาท คิดเป็น 7.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 3,965.65 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 99.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 284.69% จากปีก่อนซึ่งกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.99 ล้านบาท

“ปี 2559 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดีของ TWZ เพราะธุรกิจหลัก คือ สื่อสารโทรคมนาคม มีการเติบโตที่ดีมาก เนื่องจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้กำลังซื้อเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวดีขึ้นและปัญหาภัยแล้งคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคอาจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคม ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายอัดฉีดเงินให้กับผู้มีรายได้น้อย และช่วงปลายปีมีมาตรการช็อปปิ้งช่วยชาติ ทำให้ยอดขายกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ส่งผลให้รายได้ทั้งปีที่ผ่านมาของ TWZ เป็นไปตามเป้าหมาย” นางปิยะนุช กล่าว

เรียบเรียง : กษมน พงษ์ธานี 

TWZ รับทรัพย์ต้นปี เดินหน้าขายไฟเข้าระบบ 5 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าปีนี้มีรายได้ขายไฟฟ้าเพิ่มจากธุรกิจอื่นอีก 41 ล้านบาท

ทีดับบลิวแซดฯ ออกสตาร์ทปีไก่ทอง ประเดิมรับทรัพย์ตั้งแต่ต้นปี หลังบริษัทย่อย’มาสเทค ทูล’ ขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เข้าระบบให้ กฟภ. ล็อตแรกแล้ว 4.995 เมกะวัตต์ ย้ำเป็นก้าวสำคัญหลังเดินหน้าขยายสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ผู้บริหารลั่น ‘ทำจริง ลงมือจริง ขายไฟจริง’หวังปั้นรายได้ปีแรกจากการขายไฟฟ้า 41 ล้านบาท กำไรประมาณ 15 ล้านบาท มั่นใจสร้างความแข็งแกร่งให้ TWZ ในฐานะบริษัทแม่ได้อย่างแน่นอน

นางปิยะนุช รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ TWZ ผู้จำหน่ายและให้บริการต่างๆเกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจาก TWZ ได้เดินหน้าขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน โดยได้จัดตั้งบริษัท เกียร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่ง TWZ ถือหุ้น 99.99% และบริษัท เกียร์ฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือมาสเทค (MASTECH) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในสัดส่วน 80% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วนั้น ล่าสุด MASTECH ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กำลังการผลิตรวม 4.995 เมกะวัตต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับ บริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือ MASTECH เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามสัญญาให้ผู้สนับสนุนโครงการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ.2558 โดย MASTECH เป็นผู้สนับสนุนโครงการในการดำเนินการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์การก่อสร้างการทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟภ. ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมหินซ้อน จำกัด ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

โดยก่อนหน้านี้ MASTECH ร่วมกับสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมหินซ้อน จำกัด ได้รับแจ้งผลการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ลงวันที่ 29 เมษายน 2559 ซึ่งทางบริษัท MASTECH ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สัญญาเลขที่ PVF2-PEA-032/2559 โดยโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 จนแล้วเสร็จและสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“การจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ล็อตแรกนี้ ถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ TWZ ในการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำอย่างจริงจัง และเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารจัดโครงสร้างของ TWZ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้แข็งแกร่ง ผ่านการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีศักยภาพ รวมถึงโอกาสในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนผ่านบริษัท เกียร์ คอร์ปอเรชั่น และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผ่านบริษัท ปิยะชาติ จำกัด ขณะเดียวกัน การยังคงรุกขยายการเติบโตในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ที่ยังเป็นธุรกิจหลักไว้ด้วยเช่นกัน” นางปิยะนุชกล่าว

ทั้งนี้ TWZ ได้จัดทำประมาณการรับรู้รายได้ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของ MASTECH เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยคาดว่า จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี และกำไรสุทธิอยู่ระหว่าง 15-16 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในปีแรกคือปี 2560 นี้ คาดว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 41.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 15.17 ล้านบาท